จีนแห่เข้าไทยตั้งโรงงานยางรถยนต์จับมือผปก.ไทยผลิตเพื่อส่งออก

จีนแห่เข้าไทยตั้งโรงงานยางรถยนต์จับมือผปก.ไทยผลิตเพื่อส่งออก

 

จีนแห่เข้าไทยตั้งโรงงานยางรถยนต์จับมือผปก.ไทยผลิตเพื่อส่งออก
จีนแห่เข้าไทยตั้งโรงงานยางรถยนต์จับมือผปก.ไทยผลิตเพื่อส่งออก

จีนแห่เข้าไทยตั้งโรงงานยางรถยนต์จับมือผปก.ไทยผลิตเพื่อส่งออก

ไทยยังเนื้อหอม ค่ายยางจีนแห่ลงทุน “เอ็น.ดี.รับเบอร์”เผยจับมือพันธมิตรผลิตยางรถบรรทุก –ยางรถยนต์ เพื่อส่งออกไปตลาดหลักอเมริกาและอินเดีย ด้านเค.ซี. วีล ระบุยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอบางส่วนแล้ว คาดปี 61 เริ่มผลิต พร้อมวางงบลงทุน 1.5 พันล้านบาท ขณะที่ดีสโตนBrandคนไทยชี้ตลาดยางในประเทศแข่งดุ

นายพิชาญ พรหมเมฆประธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เค.ซี. วีล แอนด์ ไทร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตยางรถยนต์จากซานตง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางล้อจากจีน เพื่อทำการผลิตยางในกลุ่ม SUV และPPV โดยความคืบหน้าในตอนนี้อยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ ส่วนที่ตั้งของโรงงานในเบื้องต้น คาดว่าจะใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแถบจังหวัดระยอง โดยเป็นการตั้งโรงงานแห่งใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,000 – 1,500 ล้านบาท และจะเริ่มผลิตในปี 2561 แบ่งออกเป็นผลิตเพื่อส่งออก 70% ป้อนตลาดในประเทศ 30%

“เรายังอยู่ในขั้นตอนการยื่นเรื่องบางส่วนเพื่อขอรับการส่งเสริมฯ ส่วนการจะผลิตBrandไหน หรือ การลงทุนจะเป็นแบบ Joint Venture หรือลงทุนใหม่ทั้งหมด ก็อยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ โดยก่อนหน้านั้นบริษัทฯมีการจับมือกับพันธมิตรจากจีนอยู่แล้ว ในการนำเข้ายาง TRI-ACE เข้ามาจำหน่ายและเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง”

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์Brand ND RUBBER เปิดเผยว่า ได้มีการเจรจากับพันธมิตรจากประเทศจีนเพื่อตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์ในไทย โดยมีเป้าหมายคือการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ,อินเดีย ขณะที่งบลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท สามารถผลิตยางรถบรรทุกได้ 1.2 ล้านเส้นต่อปี และ ผลิตยางรถยนต์นั่งได้ 3 ล้านเส้นต่อปี ส่วนที่ตั้งของโรงงานคาดว่าจะอยู่ที่ชลบุรี เนื่องจากอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง

“ปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการล้อยางจากจีนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย 3 – 4 ราย เนื่องจากสินค้าล้อยางจากจีนที่ส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกามีความยากมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดหรือเอดี ตรงจุดนี้เองทำให้ผู้ผลิตจากจีนต้องมองหาฐานการผลิตในประเทศอื่นๆและไทยถือว่ามีความแข็งแกร่ง ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพการผลิต มีความน่าเชื่อถือ โดยการจับมือกันในครั้งนี้จะทำการผลิตทั้งBrandจีน และ Brandของเราเอง ซึ่งจะเน้นตลาดส่งออกก่อนและค่อยทำตลาดในประเทศ”

ด้านนายชัยสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากการเจรจาขั้นตอนสุดท้ายแล้วเสร็จ ซึ่งประเมินว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2560 หลังจากนั้นก็จะเริ่มผลิตได้ในปี 2562 หรือต้นปี 2563 โดยในเฟสแรกจะทำการผลิตยางรถบรรทุกก่อน ด้วยจำนวน 6 แสนเส้นต่อปี ส่วนยางรถยนต์นั่งน่าจะเป็นเฟส 2

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตตามที่ได้วางเป้าหมายไว้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปี 1,000 ล้านบาทอาจจะไม่ถึง แต่กำไรและอัตราการเติบโตยังถือว่าโตเมื่อเทียบกับปีทีผ่านมา ส่วนกลยุทธ์การตลาดในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะมีการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง มีการใช้ช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น ขณะที่สินค้าใหม่ยังไม่มีแผน ส่วนตลาดต่างประเทศ มีการส่งออกไปยังอินเดีย มาเลเซีย เมียร์มาร์ลาว อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ตลาดอินเดียมีอัตราการเติบโต ส่วนมาเลเซียมีการชะลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน

 

Cr: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
Cr Photo: Continental

 

แบ่งปันสิ่งนี้: "ร่วมสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ สังคมแห่งการแบ่งปัน"

Post Author: rmb_ad

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

thirteen − 6 =